วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เขาว่าวัดพระธรรมกายติดเปลือก?

เขาว่าวัดพระธรรมกายติดเปลือก? แท้จริงแล้วพุทธศาสนาในปัจจุบันจะประกอบด้วยศาสนวัตถุ (สิ่งก่อสร้าง), ศาสนาพิธี (พิธีกรรมต่างๆ), ศาสนาบุคคล (นักบวช), และศาสนาธรรม (คำสอน)   ซึ่งเรื่องนี้พระพุทธองค์ได้ทรงเปรียบเทียบเอาไว้ในมหาสาโรปมสูตร เหมือนกับการที่เราไปแสวงหาประโยชน์จากต้นไม้ใหญ่ ที่มีทั้งกิ่งและใบ สะเก็ด เปลือก กะพี้ และแก่น คือเราจะเลือกเอาอะไรจากสิ่งเหล่านี้ จึงจะทำให้เราได้รับประโยชน์ โดยสิ่งเหล่านี้ก็คือ



ความสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ จัดเป็นกิ่งและใบของศาสนา

ความสมบูรณ์ด้วยศีล จัดเป็นสะเก็ดของศาสนา

ความสมบูรณ์ด้วยสมาธิ จัดเป็นปลือกของศาสนา

ความสมบูรณ์ด้วยสัมมาทิฎฐิ (ความเห็นที่ถูกต้อง) จัดเป็นกะพี้ของศาสนา

ความหลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิง (ถาวร) จัดเป็นแก่นของศาสนา


จากจุดนี้เราก็สามารถมองได้ว่าสังคมใดหรือใครเข้าถึงพุทธศาสนาในระดับใด   การที่วัดวาอารามเจริญรุ่งเรืองใหญ่โตนั้นเป็นกิ่งและใบของพุทธศาสนา   การที่วัดพระธรรมกายสร้างใหญ่โตขึ้นมาก็เพื่อรองรับสาธุชนที่เข้ามาแสวงหาธรรมะที่นับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ


ธรรมชาติของต้นไม้ใหญ่ก็ต้องมีทั้งกิ่งและใบ, สะเก็ด, กะพี้, และแก่น จึงจะทำให้ต้นไม้นั้นดำรงอยู่ได้ หรือนำมาใช้ประโยชน์ได้ เพราะกิ่งและใบก็ช่วยสังเคราะห์แสงมีอาหารให้ต้นไม้ดำรงอยู่ได้ สะเก็ดก็ช่วยปกป้องเนื่อไม้ภายใน กระพี้มีหน้าที่ลำเลียงอาหารและน้ำ แก่นเป็นใจกลางต้นไม้ทำให้ต้นไม่ตั้งอยู่   ซึ่งพุทธศาสนาก็เหมือนกัน คือจะต้องมีทั้งลาภสักการะและเสียงสรรเสริญอยู่บ้าง, มีผู้ปฏิบัติศีลอย่างถูกต้องเคร่งครัด, มีผู้ปฏิบัติสมาธิอย่างจริงจัง, มีผู้มีความเห็นถูกต้อง, และมีผู้หลุดพ้นจากความทุกข์โดยสิ้นเชิงอยู่  พุทธศาสนาจึงจะมั่นคงอยู่ได้


วัดพระธรรมกายจึงไม่ใช่แค่เปลือกตามที่หลายๆคนคิดกัน เพราะมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตมากมาย ก็เพื่อรองรับสาธุชนที่มาปฏิบัติธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ 

คนที่จะปฏิบัติศีลอย่างถูกต้องเคร่งครัดก็มีจำนวนมาก  คนที่มาฝึกสมาธิจริงจังก็มีมาก และคนที่จะมีความเห็นถูกต้อง รวมทั้งคนที่ฝึกตนเพื่อความหลุดพ้นที่ถาวรก็มีจำนวนไม่น้อย วัดพระธรรมกายจึงเป็นต้นไม้ทั้งต้น จึงขอเชิญชวนผู้ที่ยังคลางแคลงใจ ในวัดพระธรรมกาย เข้ามาพิสูจน์ด้วยตา สัมผัสด้วยใจ ก่อนที่เวลาจะผ่านเลยไปอย่างไม่หวนกลับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น