เขาว่าวัดพระธรรมกายติดเปลือก? แท้จริงแล้วพุทธศาสนาในปัจจุบันจะประกอบด้วยศาสนวัตถุ (สิ่งก่อสร้าง), ศาสนาพิธี
(พิธีกรรมต่างๆ), ศาสนาบุคคล (นักบวช), และศาสนาธรรม
(คำสอน)
ซึ่งเรื่องนี้พระพุทธองค์ได้ทรงเปรียบเทียบเอาไว้ในมหาสาโรปมสูตร
เหมือนกับการที่เราไปแสวงหาประโยชน์จากต้นไม้ใหญ่ ที่มีทั้งกิ่งและใบ สะเก็ด
เปลือก กะพี้ และแก่น คือเราจะเลือกเอาอะไรจากสิ่งเหล่านี้
จึงจะทำให้เราได้รับประโยชน์ โดยสิ่งเหล่านี้ก็คือ
ความสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ
จัดเป็นกิ่งและใบของศาสนา
ความสมบูรณ์ด้วยศีล จัดเป็นสะเก็ดของศาสนา
ความสมบูรณ์ด้วยสมาธิ จัดเป็นปลือกของศาสนา
ความสมบูรณ์ด้วยสัมมาทิฎฐิ
(ความเห็นที่ถูกต้อง) จัดเป็นกะพี้ของศาสนา
ความหลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิง (ถาวร)
จัดเป็นแก่นของศาสนา
จากจุดนี้เราก็สามารถมองได้ว่าสังคมใดหรือใครเข้าถึงพุทธศาสนาในระดับใด
การที่วัดวาอารามเจริญรุ่งเรืองใหญ่โตนั้นเป็นกิ่งและใบของพุทธศาสนา การที่วัดพระธรรมกายสร้างใหญ่โตขึ้นมาก็เพื่อรองรับสาธุชนที่เข้ามาแสวงหาธรรมะที่นับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ
ธรรมชาติของต้นไม้ใหญ่ก็ต้องมีทั้งกิ่งและใบ,
สะเก็ด, กะพี้, และแก่น
จึงจะทำให้ต้นไม้นั้นดำรงอยู่ได้ หรือนำมาใช้ประโยชน์ได้
เพราะกิ่งและใบก็ช่วยสังเคราะห์แสงมีอาหารให้ต้นไม้ดำรงอยู่ได้
สะเก็ดก็ช่วยปกป้องเนื่อไม้ภายใน กระพี้มีหน้าที่ลำเลียงอาหารและน้ำ
แก่นเป็นใจกลางต้นไม้ทำให้ต้นไม่ตั้งอยู่
ซึ่งพุทธศาสนาก็เหมือนกัน
คือจะต้องมีทั้งลาภสักการะและเสียงสรรเสริญอยู่บ้าง, มีผู้ปฏิบัติศีลอย่างถูกต้องเคร่งครัด,
มีผู้ปฏิบัติสมาธิอย่างจริงจัง, มีผู้มีความเห็นถูกต้อง,
และมีผู้หลุดพ้นจากความทุกข์โดยสิ้นเชิงอยู่ พุทธศาสนาจึงจะมั่นคงอยู่ได้
วัดพระธรรมกายจึงไม่ใช่แค่เปลือกตามที่หลายๆคนคิดกัน
เพราะมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตมากมาย
ก็เพื่อรองรับสาธุชนที่มาปฏิบัติธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ
คนที่จะปฏิบัติศีลอย่างถูกต้องเคร่งครัดก็มีจำนวนมาก คนที่มาฝึกสมาธิจริงจังก็มีมาก และคนที่จะมีความเห็นถูกต้อง
รวมทั้งคนที่ฝึกตนเพื่อความหลุดพ้นที่ถาวรก็มีจำนวนไม่น้อย วัดพระธรรมกายจึงเป็นต้นไม้ทั้งต้น จึงขอเชิญชวนผู้ที่ยังคลางแคลงใจ
ในวัดพระธรรมกาย เข้ามาพิสูจน์ด้วยตา สัมผัสด้วยใจ
ก่อนที่เวลาจะผ่านเลยไปอย่างไม่หวนกลับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น