ฤาคนจะเลวเพราะคำคน
เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสนั่งคุยกับเพื่อนที่เป็นคนคอเดียวกัน คือชอบอ่านสามก๊ก โดยทั่วไปเขาบอกคนที่อ่านสามก๊ก จบสามเที่ยว
คบไม่ได้ “เรา” หมายถึงผมและเพื่อนเลยอ่านซะกว่าสิบเที่ยวแล้ว ก็คงจะ
พอคบกันได้นะครับ ไม่เข้าตามกติกาที่เขาว่า ประเด็นสำคัญที่คุยกัน
ที่ค้างใจมานาน คือ เรื่องราวของตัวละครตัวหนึ่งคือ จิวยี่ ที่ข้องใจ
ผมมากคือ ทำไมจิวยี่ ถึงเป็นคนใจแคบ เป็นคนขี้อิจฉา เพื่อนก็เลยแนะนำ
ว่า อย่าไปอ่านแต่ตำราที่เราเรียนกันมา ลองอ่านหลายๆเล่ม เพราะ
เรื่องราวของสามก๊กนั้น มีที่มาหลายแห่ง ทั้งจากบันทึกประวัติศาสตร์
จากบันทึกปากคำของคน จากบทละคร จากนิทานพื้นบ้าน รวมทั้ง
แล้วแต่ยุคสมัยที่ผ่านไป ที่สำคัญผู้เขียนเรื่องราวนั้นมีอคติหรือไม่
เมื่อได้รับคำชี้แนะจากท่านเพื่อนเช่นนั้น ใยข้าพเจ้าจักนิ่งเฉย
ว่าแล้วก็หาข้อมูลจากหลายที่หลายแห่ง จนได้ข้อมูลที่น่าตกใจว่า จาก
บันทึกหลายแห่ง มีข้อมูลที่ตรงกันว่า
- จิวยี่ เป็นชายหนุ่มรูปงาม ขนาดที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่าสุดหล่อ
- มีภรรยาสุดสวยในยุคนั้นคือ นางเสียวเกี้ยว
- เมื่ออายุได้ 24 ปี เป็นแม่ทัพ ในก๊กที่เข้มแข็ง
- เป็นคนที่มีบุคลิกดี สง่า มีบุคลิกผู้นำ
เอาหละสิ จิวยี่ ที่เรารู้จักกับจิวยี่ที่นักประวัติศาสตร์ยุคใหม่รู้จัก กลาย
เป็นคนละภาพกันแล้ว จากประโยคที่เราคุ้นเคยว่า “ฟ้าให้จิวยี่มาเกิดแล้ว ใยต้องให้จูกัดเหลียง(ขงเบ้ง)มาเกิดด้วย” รวมทั้งหลายเรื่องทำให้เรามองว่า
จิวยี่คือ คนขี้อิจฉา ใจแคบ ถามว่า ภาพนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร นักประวัติศาสตร์
ตอบได้ชัดว่า ภาพนี้เกิดจากละคร ทำไมว่าอย่างนั้น ก็พวกที่เอาเรื่องนี้ไปเล่น
เป็นละคร มักจะจับให้ขงเบ้งเป็นพระเอก และต้องให้เลอเลิศด้วย เลยต้องหา
ตัวอิจฉามา เลยกลายเป็นจิวยี่ต้องมารับบทนี้เต็มๆ ผู้ที่ค้นคว้าเรื่องนี้ เขาบอก
ว่า แท้จริงแล้วเมื่อศึกษามากเข้า กลายเป็นว่า จิวยี่เป็นคนที่ใจกว้าง มีความ
ภักดี มีสัมมาคารวะ หากย้อนไปดูข้างต้นข้อความ บุคคลที่พร้อมขนาดนั้น
จะมีเหตุอะไรต้องให้ไปอิจฉาคนอื่น
เมื่อดูหนังดูละครแล้วก็ย้อนมาดูเหตุการณ์ในบ้านเราบ้าง ก่อนที่ผม
จะรู้จักวัดพระธรรมกาย ผมก็ได้รับข้อมูลข่าวสารของทางวัดจากหลายทาง
แน่นอนครับ มีแต่ข้อมูลลบ สารพัดเรื่อง จนแทบหาความดีไม่เจอ แต่ด้วย
ความที่เป็นคนขี้สงสัย เหมือนที่ผมสงสัยเรื่องจิวยี่นี่แหละ เลยต้องค้นหา
ความจริง ผมตั้งโจทย์ว่า วัดโดนข้อหาอะไรบ้าง แล้วก็เข้ามาเจาะหาแต่ละ
ประเด็นๆ ในที่สุด ได้คำตอบทุกประเด็น รู้ไหมครับ ประเด็นแรกคืออะไร
เขาบอกวัดนี้ต้อนรับแต่คนรวย ผมนี่แหละครับ ที่มาวัดแล้วทำบุญแค่
สิบบาท เขียนสิบบุญ บุญละบาท คนที่เขียนใบอนุโมทนาบัตรให้ เขาเขียน
ด้วยความเต็มใจ ก่อนส่งให้ผม เขาก็อนุโมทนาบุญด้วย แล้วรู้ไหมครับ ผม
ทานข้าวที่วัดมื้อเช้า มื้อกลางวัน บ่าย ๆ ดื่มน้ำหวานของวัดด้วย เกินสิบบาท
ที่ผมทำบุญซะกี่เท่า ประเด็นต่อมา ที่บอกว่าใต้ถุนโบสถ์เก็บอาวุธ ผมก็ลงทุน
สมัครเป็นอาสาสมัคร จนในที่สุดเป็นคนเก็บกุญแจโบสถ์ แล้วก็เลยเจอว่า
ใต้ถุนโบสถ์เต็มไปด้วยธรรมาวุธ คือ เสื่อ อาสนะ พรมแดง เอาไว้ปูเวลามีงาน
ผมใช้เวลาพอสมควรในการตอบปัญหาแต่ละประเด็น จนในที่สุดก็กลาย
เป็นว่า ผมได้พบภาพที่แท้จริงเหมือนที่ผมได้ทราบว่า แท้จริงแล้ว จิวยี่ เป็น
คนเช่นไร
แล้วท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะท่านที่มองว่าวัดพระธรรมกายเป็นภัย
ต่อความมั่นคง จะไม่ลองมาค้นคว้าหาข้อมูล เอาข้อแท้จริงบ้างหรือครับ อย่ารับข้อมูลด้านเดียวจากสื่อหรือคนที่ไม่ชอบวัด เพราะหากคนที่มีอคติ ต่อให้ทำดีเท่าไร ก็ผิดในสายตาของเขาอยู่ดี เข้ามาพิสูจน์ด้วยตัวเองเลย จะได้
เข้าใจว่าคำพูดของคนที่มีอคตินั้นสามารถพลิกคนดีให้เป็นคนเลวได้
เผื่อท่านจะได้เห็นว่า แท้จริงแล้ว จิวยี่ เป็นหนุ่มรูปงาม ใจกว้าง ไม่ขี้อิจฉาเหมือน
คนที่พวกท่านรู้จักหรอกครับ
เด็กวัดตัวจริง
วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559
โลกของการติ โลกของการสร้าง
โลกของการติ โลกของการสร้าง
จากโลกของกระดาษ สู่โลกบนอากาศ ใครจะชั่วจะดีอยู่ที่มือคน แล้วจะทำอย่างไร
ใครจะช่วยยุติ ช่วยเปลี่ยนโลกของการติสู่โลกของการสร้าง
จากที่สมัยก่อนโลกของกระดาษ หนังสือพิมพ์มีความสำคัญเพราะเข้าถึงผู้รับสารได้ง่าย แต่เมื่อถึงยุคการสื่อสารไร้พรมแดนในปัจจุบัน มือถือ หรือแท็บเล็ต กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อคนจำนวนมากซึ่งนับเป็นปัจจัยที่ห้าก็ว่าได้ที่ทุกคนจำเป็นต้องมี จากสมัยก่อนที่เห็นคนที่นั่งรอรถหน้าป้ายรถเมล์หรือรถไฟ อ่านหนังสือพิมพ์บ้าง การ์ตูนขายหัวเราะบ้าง แต่ตอนนี้กลับเห็นแต่คนก้มหน้าก้มตาเลื่อนนิ้วโป้งขึ้นลงเช็คไลน์ หรือเฟสบุ๊ค โดยไม่สนใจคนรอบข้างว่าเป็นอย่างไร จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ข้อมูลทั้งดีและเสียได้ส่งถึงมือคนได้อย่างรวดเร็ว และไม่น่าแปลกใจว่ายอดคนไทยทั้งประเทศตอนนี้เล่นเฟสบุ๊คกว่า 40 ล้านคนแล้วซึ่งมากกว่าครึ่งประเทศ และอัตราการไลน์ก็เป็นอันดับเป็นที่สองของโลกรองจากญี่ปุ่นคือ 33 ล้าน และเชื่อเลยว่ายอดต้องเพิ่มขึ้นทุกปี จากข่าวล่าสุดที่ชาวเน็ตแชร์ว่อนในโลกออนไลน์ขณะนี้ คือคลิปของอาจารย์เฉลิมชัยที่ออกมาโต้ผ่านสื่อที่ทนไม่ได้กับคำติเตียนกล่าวหาว่าท่านเป็น “พุทธพาณิชย์ มีเงิน ซื้อวัดได้” ซึ่งจากตรงนี้อาจารย์เองออกมาให้เหตุผลชัดว่าการสร้างวัดร่องขุนนี้ได้ตั้งใจสร้างขึ้นเป็นมรดกของชาติและมาจากเงินส่วนตัวล้วน ๆ ไม่เคยรับเงินจากใครหรือรัฐบาลใด จนมีผู้คนต่างออกมาให้กำลังใจในการทำงานของอาจารย์กันยกใหญ่ ซึ่งอาจารย์ก็ให้ข้อคิดเตือนสติคนไทย โดยเฉพาะคนไทยที่เก่งเฉพาะเรื่องติในเรื่องไม่สร้างสรรค์ทั้งหลาย จากตรงนี้บ่งชี้ว่าคนไทยที่มีมือถือและกำลังก้มหน้าก้มตาดูเรื่องของคนอื่นอยู่นี้ เก่งเฉพาะเรื่องติที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ แต่มุ่งจับผิดมุ่งโทษให้คนดีทั้งหลายเสียความศรัทธาและมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดี โดยขาดวิจารณญาณในการพิจารณาหลักฐานความจริง ว่าเรื่องใดเป็นเรื่องที่ควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อ โดยมุ่งเฉพาะข่าวเบื้องหน้าที่สื่อออกมาประโคมพาดหัวข่าวเท่านั้น โดยหารู้ไม่ว่าสื่อบางสื่อในปัจจุบันก็ขาดจรรยาบรรณ ใช้คำไม่เหมาะสม และพาดหัวข่าวโน้มน้าวเกินจริงกันเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุดเจ้าพระคุณสมเด็จวัดปากน้ำก็ตกเป็นเครื่องมือจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี สร้างเรื่องให้ท่านเสียพระเกียรติ และเมื่อสุดท้ายสรุปว่าท่านไม่ใช่คนผิด แต่ข่าวที่สื่อออกมาก่อนหน้านี้โจมตีว่าท่านผิดในทุกขั้นตอน แต่เวลาความจริงเปิดเผย มีสำนักข่าวไหนบ้างมากราบเท้าขอโทษท่านและออกข่าวสรรเสริญให้พระเกียรติท่านกลับมาเหมือนเดิม สังคมสื่อสารตอนนี้จึงมีความจำเป็นที่ทุกคนต้องใช้วิจารณญาณกันมากขึ้น เพราะทุกคนเป็นเหมือนนักข่าวออนไลน์ คิดอะไร อยากบอก อยากแสดงความคิดเห็นอะไรก็โพสต์ลงไป คนก็เข้าไปอ่านและแสดงความเห็นแตกต่างกันกันไป สถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศเรามีความแตกแยก ขาดความสามัคคี เพราะเกิดจากสังคมที่เห็นแก่ตัวไม่คำนึงถึงความรู้สึกคนอื่น ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่เราจะร่วมสร้างสังคมนี้ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ด้วยการสร้างความรัก สามัคคีปรองดอง เอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นสังคมที่ส่งเสริมคนดี เมื่อสังคมดี เศรษฐกิจกิจก็จะดีไปด้วย ประเทศจะเดินไปข้างหน้า โลกของการติจะหมดไปมีแต่ โลกของการสร้างแต่สิ่งที่ดีกลับคืนมา
ไทธรรมรักษ์
จากโลกของกระดาษ สู่โลกบนอากาศ ใครจะชั่วจะดีอยู่ที่มือคน แล้วจะทำอย่างไร
ใครจะช่วยยุติ ช่วยเปลี่ยนโลกของการติสู่โลกของการสร้าง
จากที่สมัยก่อนโลกของกระดาษ หนังสือพิมพ์มีความสำคัญเพราะเข้าถึงผู้รับสารได้ง่าย แต่เมื่อถึงยุคการสื่อสารไร้พรมแดนในปัจจุบัน มือถือ หรือแท็บเล็ต กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อคนจำนวนมากซึ่งนับเป็นปัจจัยที่ห้าก็ว่าได้ที่ทุกคนจำเป็นต้องมี จากสมัยก่อนที่เห็นคนที่นั่งรอรถหน้าป้ายรถเมล์หรือรถไฟ อ่านหนังสือพิมพ์บ้าง การ์ตูนขายหัวเราะบ้าง แต่ตอนนี้กลับเห็นแต่คนก้มหน้าก้มตาเลื่อนนิ้วโป้งขึ้นลงเช็คไลน์ หรือเฟสบุ๊ค โดยไม่สนใจคนรอบข้างว่าเป็นอย่างไร จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ข้อมูลทั้งดีและเสียได้ส่งถึงมือคนได้อย่างรวดเร็ว และไม่น่าแปลกใจว่ายอดคนไทยทั้งประเทศตอนนี้เล่นเฟสบุ๊คกว่า 40 ล้านคนแล้วซึ่งมากกว่าครึ่งประเทศ และอัตราการไลน์ก็เป็นอันดับเป็นที่สองของโลกรองจากญี่ปุ่นคือ 33 ล้าน และเชื่อเลยว่ายอดต้องเพิ่มขึ้นทุกปี จากข่าวล่าสุดที่ชาวเน็ตแชร์ว่อนในโลกออนไลน์ขณะนี้ คือคลิปของอาจารย์เฉลิมชัยที่ออกมาโต้ผ่านสื่อที่ทนไม่ได้กับคำติเตียนกล่าวหาว่าท่านเป็น “พุทธพาณิชย์ มีเงิน ซื้อวัดได้” ซึ่งจากตรงนี้อาจารย์เองออกมาให้เหตุผลชัดว่าการสร้างวัดร่องขุนนี้ได้ตั้งใจสร้างขึ้นเป็นมรดกของชาติและมาจากเงินส่วนตัวล้วน ๆ ไม่เคยรับเงินจากใครหรือรัฐบาลใด จนมีผู้คนต่างออกมาให้กำลังใจในการทำงานของอาจารย์กันยกใหญ่ ซึ่งอาจารย์ก็ให้ข้อคิดเตือนสติคนไทย โดยเฉพาะคนไทยที่เก่งเฉพาะเรื่องติในเรื่องไม่สร้างสรรค์ทั้งหลาย จากตรงนี้บ่งชี้ว่าคนไทยที่มีมือถือและกำลังก้มหน้าก้มตาดูเรื่องของคนอื่นอยู่นี้ เก่งเฉพาะเรื่องติที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ แต่มุ่งจับผิดมุ่งโทษให้คนดีทั้งหลายเสียความศรัทธาและมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดี โดยขาดวิจารณญาณในการพิจารณาหลักฐานความจริง ว่าเรื่องใดเป็นเรื่องที่ควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อ โดยมุ่งเฉพาะข่าวเบื้องหน้าที่สื่อออกมาประโคมพาดหัวข่าวเท่านั้น โดยหารู้ไม่ว่าสื่อบางสื่อในปัจจุบันก็ขาดจรรยาบรรณ ใช้คำไม่เหมาะสม และพาดหัวข่าวโน้มน้าวเกินจริงกันเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุดเจ้าพระคุณสมเด็จวัดปากน้ำก็ตกเป็นเครื่องมือจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี สร้างเรื่องให้ท่านเสียพระเกียรติ และเมื่อสุดท้ายสรุปว่าท่านไม่ใช่คนผิด แต่ข่าวที่สื่อออกมาก่อนหน้านี้โจมตีว่าท่านผิดในทุกขั้นตอน แต่เวลาความจริงเปิดเผย มีสำนักข่าวไหนบ้างมากราบเท้าขอโทษท่านและออกข่าวสรรเสริญให้พระเกียรติท่านกลับมาเหมือนเดิม สังคมสื่อสารตอนนี้จึงมีความจำเป็นที่ทุกคนต้องใช้วิจารณญาณกันมากขึ้น เพราะทุกคนเป็นเหมือนนักข่าวออนไลน์ คิดอะไร อยากบอก อยากแสดงความคิดเห็นอะไรก็โพสต์ลงไป คนก็เข้าไปอ่านและแสดงความเห็นแตกต่างกันกันไป สถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศเรามีความแตกแยก ขาดความสามัคคี เพราะเกิดจากสังคมที่เห็นแก่ตัวไม่คำนึงถึงความรู้สึกคนอื่น ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่เราจะร่วมสร้างสังคมนี้ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ด้วยการสร้างความรัก สามัคคีปรองดอง เอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นสังคมที่ส่งเสริมคนดี เมื่อสังคมดี เศรษฐกิจกิจก็จะดีไปด้วย ประเทศจะเดินไปข้างหน้า โลกของการติจะหมดไปมีแต่ โลกของการสร้างแต่สิ่งที่ดีกลับคืนมา
ไทธรรมรักษ์
วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559
ขวางพระบิณฑบาต หนทางสู่อเวจี
ขวางพระบิณฑบาต หนทางสู่อเวจี
จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้(วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์) พบว่าผู้ต่อต้านพิธีตักบาตรที่จังหวัดระยองซึ่งมีผู้มาร่วมตักบาตรกว่า 10,000 คน แต่มีผู้คัดค้านการตักบาตรเพียง 10 คน ทำให้ข้าพเจ้าอดนึกไม่ได้ว่า ในสมัยพุทธกาลมีเหตุการณ์คล้าย ๆ อย่างนี้เกิดขึ้นด้วยเหมือนกับพระเจ้าสุปปพุทธะ
พระเจ้าสุปปพุทธะเป็นกษัตริย์โกลิยะวงศ์เป็นพระราชบิดาของพระเทวทัต เมื่อทราบว่าพระเทวทัตถูกธรณีสูบ ลงมหาอเวจีนรกก็มิสำนึกในบาปบุญคุณโทษ กลับมีจิตอาฆาตพยาบาทพระพุทธองค์ เพราะนอกจากจะทำให้พระเทวทัตต้องธรณีสูบ พระพุทธองค์ยังทำให้เจ้าหญิงยโสธราธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะเป็นหม้าย จึงกลั่นแกล้งพุทธองค์ด้วยการเกณฑ์อำมาตย์ข้าราชบริพารไปนั่งเสพเมรัยขวางทางที่พระพุทธองค์จะออกบิณฑบาตโปรดเวไนยสัตว์ซึ่งทางนั้นมีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่พระพุทธองค์จะทรงเสด็จดำเนินไปได้ เมื่อเสด็จดำเนินผ่านไม่ได้เพราะพระเจ้าสุปปพุทธะกับบริวารขวางอยู่วันนั้น พระพุทธองค์ทรงอดพระกระยาหาร ๑ วัน พระอานนท์จึงทูลถามอยากจะทราบโทษของพระเจ้าสุปปพุทธะ พระพุทธองค์จึงทรงได้มีพุทธฎีกาตรัสว่า “ อานันทะดูก่อนอานนท์ หลังจากนี้ไปนับได้ ๗ วัน พระเจ้าสุปปพุทธะจะลงอเวจีตามเทวทัตไป ”
เมื่อบริวารของพระเจ้าสุปปพุทธะกลับไปถวายรายงาน พระเจ้าสุปปพุทธะก็มีจิตต้องการให้พุทธฎีกาของพระพุทธองค์มิเป็นความจริง จึงขึ้นประทับ ณ ปราสาท ๗ ชั้น แต่ละชั้นมีนายทวารป้องกันแข็งขัน ทรงตรัสกับนายทวารที่มีร่างกายกำยำนั้นว่า “ ในระหว่าง ๗ วันนี้ ถ้าฉันลงมาละก็ พวกเธอจงขัดขวางเอาไว้ไม่มีใครทำโทษ ” โดยประกาศต่ออำมาตย์ ข้าราชบริพาร และพระบรมวงศานุวงศ์ไว้ดังนั้น เพื่อมิให้นาทวารทั้งหลายต้องโทษ
๗ วันนั้นปรากฏว่า ม้าแก้ว ซึ่งเป็นม้าทรงศึกที่พระเจ้าสุปปพุทธะโปรดปราน อาละวาดกระทืบโรง ร้องเสียงดังมาก พระเจ้าสุปปพุทธะเกิดเป็นห่วงม้า ด้วยอาการขาดสติจึงทรงลงจากปราสาทชั้น ๗ แต่ด้วยวิบากกรรมปรากฏว่านายทวารมิได้ขัดขวาง กลับผลักหลังส่งอีกด้วยคิดว่าเลยครบกำหนด ๗ วันแล้ว พอพระเจ้าสุปปพุทธะย่างพระบาทเหยียบแผ่นดิน ก็ถูกพระธรณีสูบหายไปสู่มหานรกอเวจี ตรงตามพุทธะฎีกาที่ตรัสไว้แก่พระอานนท์
ดังนั้นการขวางทางพระไม่ให้บิณฑบาตคือขัดขวางหนทางพระนิพพานของตนเองและผู้อื่นเป็นกรรมหนัก
พิณสายกลาง
เรามีไฟฉายอยู่ในมือ
เรามีไฟฉายอยู่ในมือ
อ่านพาดหัวข่าวทุกวันนี้อดตื่นเต้นไม่ได้ สามารถทำให้อารมณ์ดราม่าของคนอ่านขึ้นได้ตลอด
กระบวนการทำข่าวต้องแข่งขันกันด้วยความเร็ว ซึ่งทุกวันนี้เป็นวินาทีทีเดียว เพราะอยู่กันบนโลกออนไลน์ ข้อมูลไหลไปได้เรื่อย ๆ จึงมักเห็นพาดหัวสุดโต่งเพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ โดยเนื้อหาข่าวไม่เป็นอย่างนั้นด้วยซ้ำ
ภาพของสังคมถูกแต้มด้วยข่าวที่เราเห็นอยู่ทุกวัน นักข่าวบางคนอาจทำให้ภาพมันดูไม่สวย ไม่มีคุณค่า เพราะลืมใส่ความเป็นเหตุผลให้สังคม ใส่อารมณ์มากเกินไป ทั้ง ๆ ที่เมื่อประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารนั้นแล้ว ก็จะเอาไปพิจารณา และนำไปตัดสินใจเองโดยที่ไม่ต้องมีใครมาสั่งการ หรือลืมใส่ศรัทธาต่อจรรยาบรรณที่ดีงามในวิชาชีพสื่อ ลืมไปว่าสิ่งที่ต้องยืนหยัดอยู่ข้างด้วย คือ ความดีที่จะสร้างสรรค์สังคม
ถ้าสื่อมวลชนกำลังหลงทิศหลงทาง ไม่ได้เป็นแสงสว่างให้กับสังคมอย่างแท้จริง อย่าลืมว่าเราทุกคนมีไฟฉายในมือ เทคโนโลยีปัจจุบันนี้ทำให้เรา"เสนอข่าว" หรือชี้ความถูกต้องให้กระจ่างผ่านช่องของตัวเองได้ เช่น เฟสบุ้ค บล็อก ทวิตเตอร์ เป็นต้น แสงเดียวอาจมีผลเล็กน้อย แต่เมื่อแสงไฟฉายหลาย ๆ ดวงมารวมกัน มันก็คือสปอตไลท์นำทางดี ๆ นี่เอง
ถ้าคุณยังยืนหยัดเพื่อความจริง ยังอยู่ฝั่งของความดี เปิดไฟฉายของคุณ แล้วมาฉายความจริงให้โลกรู้กัน!
พาลัน
ทฤษฎี ไข่ตุ๋น
ไข่ตุ๋น เด็ก ๆ รับประทานได้ ผู้ใหญ่ก็ชอบรับประทานกันดี เพราะอร่อย เรียบง่าย เป็นอาหารแบบไทย ๆ เดิม ๆ ของเรา
วันนี้ ข้าพเจ้าอยากจะแบ่งปันความรู้ที่ได้จากการทำไข่ตุ๋น ให้ท่านผู้อ่านได้รับฟังสนุก ๆ ดูบ้างสักเล็กน้อย
วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ลงมือทำไข่ตุ๋น โดย ตีไข่ไก่ 10 ฟอง เติมน้ำเปล่าที่สะอาด ใส่น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว ใส่เกลือนิดหน่อย ใส่......ผักตามใจชอบ เช่นต้นหอม ผักชี หอมใหญ่ หรือไม่ใส่อะไรเลย จากนั้นข้าพเจ้าก็ตีไข่ และคน คน คน ให้เข้ากัน แล้วก็ยกขึ้นไปนึ่ง ด้วยไฟ ให้ร้อน สักพักก็จะได้ไข่ตุ๋น อร่อยด้วยมือเรา ยกลงแล้วอาจเติมกระเทียมเจียวสักหน่อย ก็พอได้
วันนี้สังคมไทยถูกละเลงด้วยกระแสสื่อชี้นำในทางที่ผิด เหมือนทฤษฎีไข่ตุ๋น ทุกอย่างผสมปนเป เปรอะ ไปหมด ไม่มีหลักเกณฑ์อะไรกันเลย อยู่กันไปด้วยการรับกระแสสื่อ ต่าง ๆ จนสับสนวุ่นวาย ไม่รู้อะไรถูก-ผิด แยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร กฎหมายทั้งพระทั้งโยม ใช้กันปนมั่วไปหมด เพราะไม่ปฏิบัติตามหลักกฎหมาย นึกอะไรได้ก็เอามาเชื่อมกันไปหมด เหมือนไยแมลงมุม แล้วก็ใส่ความเร่าร้อนลงไปนึ่งจนสุก สังคมไทยก็แทบจะเป็นไข่ตุ๋นที่ถูกนึ่งจนสุกและไหม้เกรียม ในอีกไม่ช้านี้ หยุด!!!สื่อชี้นำในทางที่ผิด หันกลับมาช่วยกันส่งเสริมสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ก็ย่อมทำได้ ถ้าได้ทำ และสังคมจะได้มีจุดยืนที่ชัดเจนและดีงามตลอดไป
พิณสายกลาง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)